การถ่ายพยาธิแมว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทาสแมวจะลืมหรือละเลยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแมวที่เลี้ยงแบบเปิดปล่อยให้เล่นข้างนอก หรือเลี้ยงแบบปิดขังไว้ในบ้าน ก็สามารถเกิดพยาธิได้ทั้งสิ้น ถึงแม้ภายนอกน้องจะดูแข็งแรง ร่าเริงแจ่มใส แต่ข้างในร่างกายที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอาจแตกต่างออกไป เพราะพยาธิที่แฝงอยู่ยังคงดูดกินสารอาหาร และเลือดจนส่งผลด้านสุขภาพต่อแมวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่ลดลง มีการอยากอาหารเพิ่มขึ้น ท้องเสียขนแห้ง หากติดเชื้อร้ายแรงอาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง จนสุดท้ายก็ถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนี้พยาธิบางชนิดยังสามารถส่งผ่านไปยังมนุษย์ยิ่งหากเป็นเด็กก็จะมีอาการรุนแรงมากขึ้น
การถ่ายพยาธิแมว ควรเริ่มตอนไหน
การถ่ายพยาธิโดยปกติจะเริ่มตอนที่ลูกแมวมีอายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป หรือน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 0.5 กิโลกรัม โดยสามารถทำเองที่บ้านหรือให้สัตวแพทย์ถ่ายยาให้ก็ได้ หากถ่ายยาเองก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด และคอยเฝ้าติดตามผลอยู่ตลอดเวลา
ในกรณีหากลูกแมวมีอาการท้องร่วง ถ่ายเป็นมูกส่งกลิ่นเหม็นปิดปกติ หรือมีปัญหากับระบบทางเดินอาหาร ก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพื่อดูว่าเกิดจากพยาธิชนิดใดบ้างเพื่อจะได้ทำการรักษา นอกจากนี้ควรกักบริเวณเอาไว้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่สัตว์อื่น ๆ หรือมนุษย์
การถ่ายพยาธิแมว ต้องบ่อยแค่ไหน
ลูกแมว- อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าหากลูกแมวอายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป หรือน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 0.5 กิโลกรัม ควรเริ่มให้ยาถ่าย หลังจากนั้นก็ควรให้ทุกเดือนไปเรื่อย ๆ จนอายุได้ 6 เดือน หลังจากนั้นก็ให้ลดลงเป็นถ่ายยาทุก ๆ 3 เดือน
แมวที่เลี้ยงแบบเปิด / ชอบล่า – แมวที่ชอบล่าสัตว์มีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะติดพยาธิจากการกินสัตว์ สัตวแพทย์มักจะแนะนำให้ถ่ายพยาธิเป็นประจำทุกเดือน
แมวโต – ควรถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 เดือน หรือถ่ายตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
แมวตั้งครรภ์และกำลังให้นม – แมวที่กำลังตั้งควรให้ยาถ่ายพยาธิ ควรให้ในช่วงให้นมถือเป็นการถ่ายพยาธิให้ลูกแมวผ่านทางน้ำนม แต่อย่างไรก็ตามควรสอบถามสัตวแพทย์ว่ายาชนิดใดมีความเหมาะสม
จะเห็นได้ว่า การถ่ายพยาธิแมว สามารถช่วยให้น้องมีความแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาวได้ ดังนั้นควรทำเป็นประจำตามกำหนด หากมีข้อสงสัยหรือน้องแมวมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัย และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป